วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553




โรคติดเชื้อที่เด่นๆ น่ะครับ
1 โรคพิษสุนัขบ้า
2 โรคลำไส้อักเสบ
3 โรคไข้หัดสุนัข


วันนี้ผมก็จะมาพูดถึงโรคพิษสุนัขบ้าก่อนน่ะครับ


โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ
-----รุนแรงถึงตาย และติดคนด้วย (zoonosis !!!)
-----เกิดจาก rabies virus -->ทำให้เนื้อเยื่อประสาทและสมองอักเสบ
-----ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคนี้ได้

ติดได้ไง ?
-----โดน กัด ข่วน เลีย จากตัวที่เป็นอ่ะ
-----ต่างประเทศเขาว่า ค้าวคาว แรคคูน สกั๊งค์ เป็นพาหะ(vector)ของโรคได้ = มันนำแต่มันไม่ป่วยด้วยโรคนี้อ่ะ
-----เชื้อจะเคลื่อนที่เข้าเซลล์ประสาทและเส้นประสาท --> เคลื่อนไปสมอง --> สมองอักเสบตามมา
-----บางส่วนเคลื่อนไปต่อมน้ำลาย --> เลยแพร่โรคผ่านน้ำลายได้
-----ปกติเชื้ออยู่ใน สวล.ไม่นาน
-----ในสัตว์ตายมันจะอยู่ได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง (host มันอ่ะ)

อาการ ?
-----ระยะบอกเหตุ (prodomal phase) : เลียแผลที่โดนกัด มีไข้ พฤติกรรมเปลี่ยน บางตัวกระวนกระวาย บางตัวซึม (ประมาณ 2-3 d เริ่มแรกอ่ะ)

-----ระยะก้าวร้าว (furious phase) : จะกระวนกระวาย ไวต่อการกระตุ้น หากโดนขังจะกัดแทะสิ่งๆต่างๆรอบๆ บางตัวก็ชักและตายระยะนี้ (แสดงอาการแบบนี้ปประมาณ 1-7 d)

-----ระยะอัมพาต (paralytic phase) : อาการนี้อาจแสดงหลังระยะบอกเหตุหรือระยะก้าวร้าวก็ได้
-----โดยเริ่มเป็นอัมพาตจากแผลที่โดนกัดก่อน จากนั้นหน้าและคอ --> มันเลยกินและกลืนไม่ได้ไง
-----หายใจลึก --> เนื่องจากอัมพาตของกล้ามเนื้อหน้าและกระบังลม อาการแสดงเหมือนมีอะไรอุดตันในลำคอ
-----เจ้าของเลยเปิดปากดู --> ติดเชื้อเลย
----------------สาเหตุการตายคือ --> ภาวะล้มเหลวของระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากการสูญเสียการทำงานของระบบประสาท


รักษาไงป้องกันไง ?

คือถ้าหมาเราโดนหมาอื่นกัดมาแล้วไม่รู้ว่ามันมาจากไหน อย่างไรเนี่ย เราก็..........

1 กักดูอาการอย่างน้อย 2 wk
2 ถ้ามันมีอาการ เดี๋ยวมันก็ตายไม่รอดอ่ะ ทำได้อย่างเดียวคือตัดหัวส่งตรวจยืนยัน !!!!!!

อ้าว แล้วแล้วถ้าถ้าเราไปโดนน้ำลายแบบโดนมันกัดด้วยอ่ะ ทำไงดี ????

1 ล้างแผลก่อน น้ำสะอาดและฟอกสบู่ 2-3x จากนั้นเช็ดด้วย alcohol จากนั้นใส่ betadine หรือ tinger iodine แล้วรีบไปหาหมอคนโลดดด!!!!!
2 ถ้าสงสัยไม่แน่ใจก็ฉีดเซรุ่มและวัคซีนป้องกันหมาบ้าโลด!!
3 ป้องกันที่ตัวหมา ก็พาน้องหมาไปฉีดวัคซีนซะหน่อยน่ะเป็นประจำทุกปี เท่านี้เอง









Monday, Aug. 30, 2010
RESEARCH SHOWS THAT SELAMECTIN IS SAFE FOR RABBITS AND HIGHER DOSES ARE NEEDED TO EFFECTIVELY TREAT FLEAS



MANHATTAN -- Selamectin, a widely used product that kills parasites in dogs and cats, is an effective treatment for fleas in pet rabbits, according to a Kansas State University research team.
James Carpenter, professor of zoological medicine, collaborated with Michael Dryden, professor of diagnostic medicine and pathobiology, and Butch KuKanich, an associate professor of anatomy and physiology. The team recently found that not only is topical selamectin safe to use on rabbits, but rabbits also need a higher dose of the drug than dogs and cats to effectively get rid of fleas.
Carpenter wanted to look at pet rabbits because more veterinary clinics are seeing exotic animals, especially small animals such as rabbits, ferrets and guinea pigs. He said exotic animal medicine is rapidly becoming an integral part of most companion animal practices, and more households report owning rabbits than any other exotic animal.
"Selamectin is widely used with dogs and cats, but there has never been a combined pharmacokinetic and efficacy study conducted on an exotic animal," Carpenter said.
The researchers had three goals: to determine the safety and efficacy of selamectin topically on rabbits with a known quantity of fleas; to discover how quickly selamectin is absorbed and how long it works in the animal; and to see what dose and treatment intervals of selamectin would be effective to get rid of fleas.
Pfizer Animal Health contributed $25,000 for the project.
Researchers found that there were no adverse effects of using selamectin on rabbits, and that transdermal selamectin is more quickly absorbed, metabolized and eliminated in the rabbit than in the cat and dog.
"Veterinarians who were using selamectin based on dog and cat dosages were giving it at too low a dose and less frequently than needed," Carpenter said. "We're recommending 15 to 20 milligrams per kilogram topically every seven days for flea infestations in a rabbit."
Previously, most veterinarians were applying selamectin topically on rabbits at 6 to 10 milligrams per kilogram per month.
While the results of the study lay the foundation for flea control in rabbits, the researchers said that further studies are needed to ensure that the recommended dose is safe and effective for all rabbits, including different breeds and ages, as well as for those with underlying health problems.
Carpenter presented "Efficacy and Pharmacokinetics of Selamectin in the Pet Rabbit" at the 31st annual conference of the Association of Avian Veterinarians/Association of Exotic Mammal Veterinarians in San Diego in early August.
"We received a lot of compliments regarding our research," Carpenter said. "Our veterinary colleagues were pleased to see the results so they can now administer the proper dose."
The team is in the process of writing a manuscript for a veterinary journal and hopes to distribute the scientific findings internationally.




Source: James Carpenter, 785-532-4269, carpentr@ksu.eduhttp://www.k-state.edu/media/mediaguide/bios/carpenterbio.htmlNews release prepared by: Jennifer Torline, 785-532-0847, jtorline@k-state.edu

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตับ ของโปรดแสนอร่อยของสุนัข
















"ตับ" ของโปรดแสนอร่อยของสุนัข
ถ้ากินตับต่อเนื่องกันนาน ความผิดปกติที่เห็นได้เด่นชัดคือ ขนหยาบกร้าน ผิวหนังแห้ง
เพราะว่าอะไร ? ตอบ เพราะตับมี vitamin A เยอะมาก พอกินเยอะๆ นานก็เกิดการสะสมกลายเป็น vitamin A toxicity

อาการเป็นไงอ่ะ ?
ผอม
น้ำหนักลด
ซึม
ผิวหนังและขนหยาบกร้าน (vitA toxicity)
เจ็บเวลาเดินเนื่องจากข้อต่อแข็งเกร็ง(สุนัขโต) (ต้องตรวจคลำ + X/R) (ddx : OA , neoplasia)
ถ้าเป็นในลูกสุนัข --> จะเเคระเกร็น (เป็นอาการที่เด่นชัดมาก)
เพราะไวตามินเอที่สะสมในร่างกายมากผิดปกตินั้น ส่งผลให้การเจริญของกระดูกผิดปกติไป เช่น
----- การสร้าง collagen ที่เป็นส่วนประกอในกระดูกหยุดไป
-----การเจริญของกระดูกลดลงในลูกสุนัข
----- กระดูกอ่อนเจริญผิดปกติ


แก้ไขๆๆ
----- ปรับอาหารให้สมดุล
-----ร่วมกับการรักษาทางยา















พิษจากองุ่นและลูกเกด




องุ่นจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ : คนนิยมทานเยอะ


หลังฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นไร้เมล็ด --> เข้าโรงงาน --> ไปเป็นลูกเกด


ถ้าตากแดด --> ได้สีดำคล้ำ


ถ้าอบแห้ง หรือ H2S--> ได้สีทอง




เค้าว่ากันว่ามันเป็นพิษในสุนัข แต่!!!! thai ยังไม่มีรายงานว่าเจอเคส


เค้ายังว่ากันอีกว่าพิษมันรุนแรงมากอ่ะ


อืมมมมงั้นเรามาทำความรู้จักกับมันหน่อยเนอะ เพื่อความปลอดภัยของน้องหมาของเรา




ขนาดที่เป็นพิษได้ในสุนัขคือ > 3g/kgBW


โดยอาการแสดงคือ ARF sign (หลักๆคือ oliguria=ฉี่น้อยม๊ากมาก ;< 0.5cc/kg/d)


-----อวกหลังกิน 2-3 hr


-----จากนั้น ซึม เบื่ออาหาร ท้องเสีย และปวดท้อง (คือถ้าเราจับท้องจะรู้สึกว่าเค้าเกร็งท้องอ่ะ)


แล้วทำไมถึง ARF ?


จริงๆ ยังไม่รู้แน่ แต่เค้าว่ากันว่าจาก


1. toxin ของราในองุ่น --> ผลคือเกิด tubular degenerative & necrosis


2. ยาฆ่าแมลง ผลเหมือนข้อหนึ่ง , สารเคมีจากขบวนการอบแห้ง


3. หรือจากอะไรก็ไม่รู้หลังกิน แต่ผลมันคือ renal blood flow อ่ะลดลง




หมอหมอ!!!!!!!!ช่วยด้วยๆน้องหมาผมเพิ่งกินองุ่นไปผมเห็นว่ามันชอบกินผลไม้ผมเลยให้มันอ่ะ แล้วๆๆมันก็มีอาการแบบนี้อ่ะหมอ คือ มันดูซึม ถ่ายเหลว จับท้องมันมันเกร็ง แล้วก็ตั้งแต่กินไปฉี่มันยังไม่ฉี่เลยอ่ะหมอ กลุ้มในมากช่วยหมาผมด้วยน่ะหมอ




ddx -->น่าจะพิษจากองุ่น/ลูกเกด


------> อื่นๆเป็นไรได้อีกมั่ง กิน etthylene glycol , leptospirosis




ครับผม หลังจากให้กินหรือว่าได้รับจนถึงตอนนี้กี่ชั่วโมงแล้วครับ เป็นวันได้ยัง?


กินเข้าไปเยอะไหม ?


ถามไปพร้อมกับ keep vein เพื่อ load fluid (ให้ตัวไหนดีหว่า NSS หรือ ACETAR ดีหว่า) +ยาที่ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงไตและลดภาวะไตวายแบบฉับพลัน


เเทงเส้นได้ก็เก็บเลือดก่อนเลย หรือไม่ก็ เก็บเลือดต่างหากก่อน เพื่อตรวจ screening ต่างๆ หลักก็มี CBC ค่าตับ(ALT , ALP) ค่าไต (BUN , CREA) ซึ่งผลที่ค่าว่าจะเจอก็คือ ค่าไตสูงขึ้น


แคลเซียม ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมในเลือดสูงขึ้น


ส่งผลให้ระต่างๆของร่างกายทำงานอย่างผิดปกติร่วมกัน




หมอก็จะช่วยทำให้น้องหมาอาเจียน (อาจใช้ยากระตุ้นอาเจียน)


ให้ผงถ่าน(หวังผลว่าช่วยดูดซึมสารต่างๆที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของร่างกาย การผลิตลูกเกดนั้นอาศัยการอบแห้ง ซึ่งอาจทำให้ลูกเกดอมสารละลายยาและพองตัวมากขึ้นได้ )
























วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สวัสดีอีกครั้งน่ะครับ หลังจากที่ห่างหายไปนานแสนนาน เหอๆ ที่นี้ก็กลับมาถึงหัวข้อสุดท้ายของโรคระบบทางเดินอาหารที่พบเจอได้บ่อยๆกันน่ะครับ ประเทศไทยเราผมไม่แน่ใจว่าอุบัติการณ์(incidence) ของโรคนี้พบเจอได้มากน้อยแค่ไหนน่ะครับ ส่วนใหญ่มักจะเจอในต่างประเทศเสียมากกว่าแต่ไม่เป็นไรน่ะครับ เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ไว้ก่อนเพื่อจะได้เป็นการป้องกันไว้เพราะว่าโรคนี้ก็อันตรายค่อนข้างมากทีเดียวน่ะครับ โรคนั้นก็คือ พิษจากช็อกโกเเลต นั้นเอง เรามาดูกันน่ะครับว่าพิษจากช๊อกโกแลตนั้นอันตรายอย่างไร let's get started!!!

"สารเมททิลแซนทีน" ที่พบได้ใน ช็อกโกแลตชนิดต่างๆ และถั่ว cacao ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตโกโก้ สารในกลุ่มเมททิลแซนทีน เช่น สารทีโอโบรมีนและคาแฟอีน จะมีผลทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือด (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเลือดในบริเวณสมองส่วนหน้า) รวมทั้งจะกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจให้เต้นเร็วและแรงมากขึ้น นอกจากนั้นอาจมีผลทำให้เกิดการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและทำให้เกิดการชัก โดยปริมาณสารเมททิลแซนทีนที่น้อยที่สุดที่สามารถทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายสุนัขคือ 100-200 mg/kg ของน้ำหนักสุนัข

เอ่แล้วถ้าน้องหมาได้รับช็อกโกแลตแล้วแสดงอาการเป็นพิษจะแสดงอาการอย่างไรน่ะ ?
อาการแสดงที่พบได้คือ อาเจียนฉับพลัน ท้องเสีย หัวใจบีบตัวแรง เต้นเร็ว ไวต่อการกระตุ้นและอาจชักได้
อุบัติการณ์
มากในสุนัข พบน้อยในแมว ส่วนใหญ่มักพบในสุนัขที่อยู่ในเขตเมืองและเป็นสุนัขที่เลี้ยงภายในที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่มีของหวานสำหรับงานเฉลิมฉลอง มักพบอาการในสุนัขพันธุ์เล็กรวมถึงลูกสุนัข ทั้งนี้เนื่องจากผลด้านน้ำหนักตัวต่อปริมาณช็อกโกแลตที่กินเข้าไป และอุปนิสัยการกินสิ่งแปลกปลอมในปริมาณมากๆ
เนื่องจากรสชาติที่หวานหอมจึงดึดดูดให้สุนัขกินได้ปริมาณมาก และสารกลุ่มเมททิลเเซนทีนสามารถดูดซึมผ่านทางเดินอาหารได้อย่างดีและรวดเร็ว ทำให้สุนัขเสี่ยงต่อการเกิดพิษจากช็อกโกแลตได้มาก
ตอนที่น้องหมามาหาคุณหมอมักจะเป็นอย่างไร ?
ส่วนใหญ่ก็มีประวัติการกินช๊อกโกแลตมาร่วมกับอาเจียนและท้องเสีย (มักพบว่าแสดงอาการหลังกินภายใน 24 ชั่วโมง) รวมทั้งกระสับกระส่าย ตื่นเต้น ตัวแข็งเกร็ง ปัสสสาวะบ่อยและแสดงอาการชัก พอคุณหมอตรวจร่างกายก็จะพบว่าตัวร้อนมีไข้ ตอบสนองไวต่อการกระตุ้น ในกรณีร้ายแรงสุนัขอาจจะแสดงอาการหัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้ออ่อนแรง โคม่า และเสียชีวิต (โดยทั่วไป สุนัขมักเสีบชีวิตภายใน 12-36 ชั่วโมง )
แต่ถ้าเจ้าของไม่รู้อ่ะว่าเจ้าตูบแอบไปกินช๊อกโกแลตมาแล้วอย่างงี้ หมอจะเดาว่าเป็นโรคอะไรได้บ้างจากอาการแสดงที่กล่าวมา (อาเจียน ท้องเสีย กระสับกระส่าย ตื่นเต้น ตัวแข็งเกร็ง ปัสสาวะบ่อย ชัก ตัวร้อนเป็นไข้ ไวต่อการกระตุ้น)
น่าจะเป็นพวกการได้รับสารพิษ เช่น
ยาเบื่อหนู
ยาฆ่าแมลง
พิษจากเชื้อรา
สารแอมแฟตามีน
สารนิโคติน
การรักษาและการป้องกัน
ต้องพยายามไม่ให้สุนัขเครียดและตื่นเต้น พร้อมทั้งรีบนำส่งหมอหมาโดยด่วน แจ้งรายละเอียดต่างๆแก่คุณหมอรวมทั้งประวัติว่าได้กินช็อกโกแลตเข้าไป หมอก็จะรักษาตามอาการ เช่น
ให้ยากระตุ้นการอาเจียน ล้างท้อง ให้สารน้ำและอิเล็กโตรไลท์เนื่องจากสุนัขอาเจียนและท้องเสีย ในกรณีชักอาจต้องให้ยาซึม กรณีหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อาจต้องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจพร้อมทั้งให้ยาช่วยทำให้การทำงานของหัวใจกลับมาปกติ
จะเห็นได้ว่าหน้าตาสวย หวาน น่ากินแบบนี้ แต่ไม่เหมาะกับสุนัขเอาซะเลยน่ะครับ เพราะฉะนั้นขอให้คุณเจ้าของดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษนิดนึงน่ะครับ เพื่อความปลอดภัยของน้องหมาของคุณ ธรรมสวัสดีครับ ('',)