วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
Figure 1 - side view of a dog's abdomen: take note of the stomach is moderately distended with gas in a dog with GDV. The stomach has a reverse "C" shape which indicates that it is twisted
Figure 2: the belt or tongue of tissue created on the stomach has been pulled through the beltloop of the abdominal wall and the belt is sutured onto the stomach, completing a beltloop gastropexy.
Figure 3 below: a belt loop is created in the muscle wall of the abdomen on the right side.
Figure 4 below: the belt loop gastropexy involves creating a belt or tongue of tissue on the stomach.
Figure 5 : an illustration of a stomach in normal position (E=esophagus; D=duodenum); right - after the stomach twists 270o in a clockwise direction, the duodenum as it exits the stomach, is moved to the top and behind the stomach, the esophagus is twisted and the stomach is becomes distended like a balloon.
http://www.vetsurgerycentral.com/gdv.htm
วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
7 กระเพาะขยาย +/- บิด GD , GDV
หมาใหญ่ อกลึก : doberman,labrador, St Bernard , Great Dane [กพขยายและบิด]
อาการเป็นไง ?
กระวนกระวาย น้ำลายไหลมาก ปวดท้องมาก เนื่องจากช่องท้องขยายใหญ่ หายใจเร็ว เหงือกซีด อาเจียน ท้องเสีย --> หาหมอด่วน!!!
ทำไมหนา ทำไม ?
ก็เพราะด้วยโครงสรางร่างกายของมันที่เอื่ออำนวยให้เกิด ร่วมกับปัจจัยหลักคือสาเหตุโน้มนำ
สาเหตุโน้มนำอื่นๆ เช่น
ให้กินวันละมื้อแต่คราวละมากๆ
กินน้ำมากๆ หลังกินอาหาร
วิ่งเล่นเลยช่วงหลังกินอาหาร 1-2 ชั่วโมง
ด้วยเหตูประการฉะนี้กพก็เลยขยายจากการสะสมของกากอาหารและแก๊สร่วมทั้งของเหลวในกระเพาะอาหาร ถ้าบิดร่วมด้วยจะรุนแรงมาก ทั้งนี้เนื่องจากมันไม่สามารถอวกออกมาได้ทำให้กพ.ก็ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้การที่กพ.บิดส่งผลให้ม้ามอยู่ผิดที่ด้วย ผลคือการไหลเวียนของเลือดในร่างกายผิดปกติ
ตัวผนังกระเพาะขากเลือดมาเลี้ยงและเกิดเนื้อตาย
เลือดไหลเข้าและออกจากหัวใจลดลง --> ช็อกตามมาได้
รักษาไงอ่ะคุณหมอ ?
Cs + Ht + PE and then, keep vein (FLUID) + ABO + STEROID
สอดท่อเข้า กพ.เพื่อระบายและลดการขยายของกระเพาะ
แต่ถ้าบิดร่วมสอกยาก
x ท้อง
ECG ดูการทำงานของหัวใจ
ถ้าไมได้ศัลโลด!!!!
ผ่าเข้าไปแล้วก็ดูว่าเนื้อเยื่อของกระเพาะดีดูไหม ม้ามดีอยู่ไหมบิดแค่ไหน เสียหายเยอะไหม จากนั้นก็จัดท่าใหม่ อาจมีการเย็บรั้งของเยื่อบุผนังกระเพาะกับเยื่อบุช่องท้อง เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำแต่มันก็เกิดซ้ำได้น่ะ
ป้องกันไม่ให้มันเกิดทำไงดี ?
แบ่งอาหารให้กิน 2-3 มื้อ และให้มีน้ำกินตลอดทั้งวัน
งดการออกกำลังกายหลังกินอาการ 2-3 ชั่วโมง
6 .ตับ ตับ LIVER LIVER
เป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญน่ะ
หน้าที่มันคือ
1 สร้างน้ำดี (bile)-->ช่วยย่อยไขมัน
2 สร้างโปรตีน (albumin) หรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเเข็งตัวของเลือด(clotting factor)
3 ทำลายหรือปลี่ยนแปลงสาร เช่น NH3-->urea แล้วขับออก
4 เปลี่ยนแปลงรูปแบบยา และฮอร์โมน ให้พร้อมทำงานหรือขับออก (metabolization,conjugation,excretion)
สมมติว่าตับผิดปกติน้องหมาจะมีอาการอย่างไร ?
(ก็พิจารณาตามแง่ของ structural และ functional : ตัวตับเองผิดปกติเพราะฉะนั้น อาจจะเจ็บบริเวณช่องท้องส่วนหน้า หรืออาจมีตับโต ท้องมานหรือน้ำคั่งในท้อง )
ตัวมันผิดปกติก็ส่งผลให้มันทำงานผิดปกติด้วยจริงไหม ?
ในแง่ของหน้าที่ล่ะ ?
1 น้ำดีสร้างออกมานำไปใช้ไม่ได้เกิด bile stasis อยู่ในตับ อาหารไขมันก็ไม่ถูกย่อยหรือย่อยไม่สมบูรณ์ เพราะฉะนั้น GI ต้องผิดปกติแน่ๆ -->มีการขับถ่ายอุจจาระผิดปกติ เช่น ท้องเสีย ท้องผูก อุจจาระเทา ซึ่งส่งผลให้ซึม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียนร่วมกับความผิดปกติอื่นๆที่จะกล่าวต่อไป
2 clotting factor ก็สร้างไมได้อีก ผลคือ เลือดหยุดยากเวลาที่มีบาดแผลไง
protein ก็สร้างลดลง โดยเฉพาะ albumin ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการรักษา oncotic pressure ใน bv เมื่อสร้างลดลงน้ำมันก็เลย leak ออกมาอยู่ในช่องว่าง (third space loss occupying) ก็เลยเห็นว่าน้องหมามีอาการท้องบวมได้ แต่เวลาท้องบวมต้อง palpate ดูก่อนน่ะว่าเป็น mass gas หรือ fluid แล้วอีกอย่างท้องบวมอาจเป็นโรคหัวใจที่เกิดจาก heartworm ก็เป็นได้
3 เปลี่ยน NH3 ,NH4 เป็น urea ได้ลดลง เพราะงั้นมันก็เกิด amminia toxicity โดยหลักๆก็มักจะ effect กับสมองก่อนเลย --> อาการแสดงคือชัก
4 ดีซ่าน (jaundice) อากากรแสดงอย่างเด่นชัดที่บ่งบอกภาวะโรคตับ จะพบว่าเยื่อชุ่มเมือก เช่น เยื่อตาขาว เหงือก valva prepuce เป็นสีเหลือง ถ้าเป็นขั้นรุนแรงจะพบว่าผิวหนังทั่วไปแสดงอาการเหลืองปรากฏชัดเจน สาเหตุเนื่องจากการที่ bilirubin ซึ่งเป็นสารสีเหลือง เป็นผลิตผลหลักจากการทำลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ (aging RBC) ไม่ได้รับการ conjugated และขับออกโดยตับจึงเป็นเหตุให้เกิดการสะสมของสารดังกล่าวมากในกระแสเลือด (bilirubinemia) โดยหลักๆ เมื่อได้รับการ conjugated แล้วจะขับออกมาพร้อมกับ bile และหลั่งเข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น(duodenum) เพื่อทำหน้าที่ช่วยย่อยไขมัน ส่วนมากประมาณ 95% ถูกดูดกลับบริวเณ ilium ส่วนที่เหลือขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ เราเลยเห็นว่าอุจจาระมีสีเหลือง แต่ถ้ามีการคั่ง bilirubin ในกระแสเลือดมากมาก จะส่งผลให้ต้องขับออกทางไต bilirubinuria ซึ่งเราจะพบว่าปัสสาวะมีสีเหลืองส้ม ซึ่งเจ้าตัว bilirubin นี้เป็นพิษกับตัวไตอย่างมากทำให้ไตเสียหาย ทำให้การทำงานของตัวไตผิดปกติไปจึงเกิดภาวะการกินน้ำมาก และปัสสาวะมากตามมา และอีกอย่างคือร่างกายต้องการที่ละเร่งกำจัดของเสียเหล่านี้ออกจากร่างกายจึงต้องกินน้ำมากและปัสสาวะมากเพื่อเอามา diluted สารพิษนี้
หมอ หมอทำไงดี ?
HT + PE + CBC,BC + x-ray,U/S + biopsy?
การรักษาก็ดูตามสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่จะรักษาคล้ายๆกัน
1 ยาอะไรที่จะเป็นพิษต่อตับ ลดไป
2 งด หรือลดโปรตีนและไขมันลง ให้คาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก ร่วมกับการให้วิตามินบำรุงตับ
3 งดกินเค็ม (ควบคุมเกลือโซเดียม) เพื่อควบคุมท้องมาน ??? งงอ่ะทำไมหว่า???
4 ควบคุมการติดเชื้อและความผิดปกติที่จะส่งผลต่อตับและการทำงานของตับ
โรคไรบ้างเจอได้ ?
IFC (bac,virus)
degen : ปกติตับซ่อมแวมตัวเองเก่งมาก แต่ถ้าบาดเจ็บแบบรุนแรงก็ไมไหวเหมือนกัน เช่น โดนกระแทกแรงๆ ยาหรือสารพิษในปริมาณมาก(ฉับพลัน)หรือน้อยๆแต่บ่อยครั้งและนานๆ (เรื้อรัง)
อื่นๆ : เส้นเลือดในตับผิดปกติ เนื้องอก
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
5 หูดในปากและใบหน้า
- ลักษณะกลม ขรุขระคล้ายดอกกะหล่ำ
- ส่วนใหญ่เจอในลูกสุนัขและสุนัขเล็ก (<>
- บวิเวณที่มักเจอ ช่องปาก เหงือก ลิ้น ริมฝีปาก จมูก ขอบตา
มันเกิดจากอะไรกันน่ะ ?
- มันคือเชื้อไวรัส Papilloma virus
- ไม่ติดคนน่ะ
- ฟักตัว 1-2 m
- พอมีมันแล้วปัญหาคือ
- ถ้าเกิดในช่องปากก็ทำให้กินอาหารลำบาก
- มีเลือดออก
- มีการสะสมของคราบอาหาร-->ส่งกลิ่นง่ะ
แก้ไขไงดีอ่ะ ?
- ปกติสามารถทุเลาลงและหายเองได้
- นานแค่ไหนอ่ะ ตอบ 1-5m
- แต่ถ้ามีปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมา --> ตัดออก , เอาหูดไปทำ vaccine แล้วฉีดกลับไป หรือให้ยาต้านไวรัสกรณีเป้นรุนแรงมากมาก
4 ฝีโพรงรากฟัน
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่สงผลให้เกิดการติดเชื้อที่โพรงรากฟัน ได้แก่(อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ฟันมันหัก มันแตก เป็นโพรง เป็นรู กระทบกระแทก trauma หรือขูดหินปูน ทำศัลฟันต่างๆ หรืออาจอื่นๆแล้วส่งผล 2' : bacteremia , NSAIDs นานๆ(IMS), เบาหวาน,หมวกไต)
-คอฟันได้รับบาดเจ็บ
-ฟันหัก ทำให้เกิดการอักเสบหรือเกิดเนื้อตายบริเวณคอฟัน
-กัดหรือต่อสู้กัน (เจอบ่อย) ทำให้ฟันบาดเจ็บและติดเชื้อ
-กัดแทะของแข็งโดยเฉพาะในลูกสุนัข
-ศัลยกรรมฟัน เช่นแก้ไขการหักของกระดูกกราม
-การติดเชื้อแบคทีเรียนในร่างกายและแพร่กระจายผ่านทางกระแสเลือด
-การได้รับความร้อนสูงและเกิดเนื้อตายบริเวณฟัน
-การใช้ยาบางชนิด เช่น NSAIDs นานๆ -->IMS -->ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในร่างกาย
-โรคเบาหวานหรือความผิดปกติของต่อมหมวกไต
อาการเป็นไง ?
ที่เจ้าของสามารถเห็นได้ เช่น
พบฟันหัก
ฟันมีคราบอาหารหรือหินปูนเยอะมาก
ฟันเปลี่ยนสี
หน้าบวมและไวต่อการสัมผัส(ก็คือจับแล้วมันเจ็บอ่ะ)
พบรอยชอนไชของฝีและมีคราบหนอง
บริเวณผิวหนังใบหน้าใกล้เคียงกับฟันมีปัญหา
เคี้ยวอาการโดยใช้กรามด้านเดียว
ช่องปากมีกลิ่นเหม็น
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใบหน้าบวม
หากเกิดความผิดปกติบริเวณกรามบน อาจพบการอักเสบของโพรงจมูกได้
บางตัวอาจพบว่าฟันบางซี่หลุดหายไป
หมอทำไงดี ?
vet ก็ PE +ใส่ใจกับใบหน้าและช่องปากเป็นพิเศษโดยตรวจละเอียด
x-ray ดู lesion บริเวณกราม
CBC --> ดูความสมบูรณ์ของร่างกาย
เก็บตัวอย่างอื่นๆ เพื่อการวินิจฉัยแยก เช่น เนื้องอกบริเวณเหงือก
รักษาไงดี ?
ถอน ถอน ถอน แล้วก็ถอน ซี่ที่ผิดปกติออกและ drain หนองและเนื้อตายอก + ABO + ลดปวด
หมายเหตุ ถอนฟันก็ต้องวางยา เพราะงั้นต้องตรวจร่างกายให้ดีก่อนวางยาสลบ
หลังรักษาต้องพัก ขังกรง + ให้กินอาหารอ่อน 3 วัน เป็นอย่างน้อยเพื่อลดกระทบกระเทือนบริเวณกราม
ประคบเย็นใบหน้าใกล้ตำแหน่งที่มีความผิดปกติ เพื่อลดการอักเสบ
ป้องกันไงดี ?
ลดโอกาสต่างๆที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บแก่ฟัน
วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
3 ฟัน ฟัน ( แง่ structural and Functional)
- I C P M
- I ใช้ตัด
- C ใช้คาบ,ฉีก
- P ใช้ตัด,ฉีก
- M ใช้บด
- ฟันบอกอายุได้ (ดูไง ? คราบอาหารคราบหินปูนที่เกาะคอฟัน การสึกกร่อนของฟัน การอักเสบของเหงือก หรือแม้แต่การหลุดหายไปของฟันบางซี่)
- การประเมินอายุจากลักษณะฟัน
2-4 wk : ยังไม่มีฟันขึ้น
3-4 wk : น้ำนมเริ่มขึ้น
4-6 wk : น้ำนมแทรกขึ้นเหนือเหงือก
2 m : น้ำนมครบทุกซี่
3-4 m : เริ่มกระจายตัวห่าง
5-7 m : น้ำนมเริ่มหลุดแลแท้เริ่มขึ้น
7 m : แท้ครบ
1 yr : แท้-ขาว สะอาด
1-2 yr : ฟันกรามเริ่มมีคราบอาหารและหินปูน
3-5 yr : หินปูนเกาะมากขึ้น
5-10 yr : หินปูนเกาะมาก + เริ่มมีอาการของโรคเหงือก
10-15 yr : หินปูนมากมาก +/- เริ่มมีการสึกกร่อน +/-ฟันบางซี่หลุดไป
แต่อาจมีการผิดพลาดได้เนื่องจากลักษณะของบางสายพันธุ์ การเอาใจใส่ดูแลของเจ้าของทำให้บางตัวอายุมากแต่ฟันยังขาวสะอาด ซึ่งต้อง keep in mind ไว้ด้วย
2 น้องหมาปากเหม็น
- มักเจอในสุนัขพันธุ์เล็กเพราะว่าอายุยืน อีกทั้งพวกพันธุ์เล็กรวมถึงพวกหน้าสั้นชุดฟันมักเรียงกันหนาแน่นและใกล้ชิด --> สะสมอาหารได้ง่าย --> Bac โตดี
- สาเหตุ
GI เอง หรือระบบอื่น(RS , upper GI ) หรือสิ่งอื่นมาทำกับ GI(FB)
GI เอง (ในช่องปาก : เหงือก ฟัน ลิ้น เยื่อบุช่องปาก , คอหอย หลอดลม หลอดอาหาร)
IFM,IFC
เหงือกอักเสบ
ช่องปากอักเสบ
ฟันอักเสบ
รากฟันอักเสบ
tartar
FB ติดในช่องปาก
เนื้องอกในช่องปาก
ผิวหนังอักเสบแถวริมฝีปาก
ระบบอื่น เช่นระบบหายใจ(RS)
IFM,IFC
ช่องและโพรงจมูกอักเสบ
FB ในช่องและโพรงจมูก
เนื้องอกในช่องและโพรงจมูก ในท่อทางเดินหายใจ
upper GI
IFM,IFC
หลอดอาหารขยาย
FB
นง.(tumor, Mass)
urogen
CRF
Pathphysio
สวลที่ไม่เหมาะสมของปาก + การสะสมของอาหาร --> bac โต (esp. anaerobe)-->H2S + เพิ่มจำนวน --> ขอบเหงือกผิดปกติ + bacteremia + endotoxemia
อาการที่พบเจอได้
ซึม เบื่ออาหาร
กินลำบาก เพราะเจ็บปาก
เลือดออกจากเหงือกและบริเวณปาก
น้ำลายไหลตลอดเวลา
บางกรณีอาจตะกุยปาก
การรักษาและป้องกัน
ไปให้หมอตรวจเพราะอาจต้องวางยาสลบ ร่วมกับตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจเลือดร่วมด้วย (ดูภาวะ IFC )
มีหินปูน --> นัดขูด
ช่องปากอักเสบ --> ดูว่าสาเหตุคือ จากหินปูน(ขูด) CRF (แก้ที่สาเหตุร่วมกับทา kenolone) ฟัน (x-ray ดูความผิดปกติ อาจต้องถอน)
สำคัญเลยคือรักษาที่สาเหตุร่วมกับการทำความสะอาดช่องปาก(แปรงฟัน ตรวจประจำปี อาหารช่วยลดคราบบอาหารและหินปูน ถ้ามี IFC,IFM -->ABO + Soln ที่มี Chlx เพื่อทำความสะอาดช่องปาก)
พอหมอตรวจหมอก็จะวินิจฉัยแยกโรค โดยดูว่าพบเจออาการอะไรเพิ่มเติมบ้างร่วมกับสิ่งที่เจ้าของได้ให้ข้อมูลมาในตอนต้น พร้อมทั้งประมวลความรู้ว่าน่าที่จะเป็นโรคอะไรได้บ้าง ซึ่ง
จากอาการที่พบข้างต้น ภาวะโรคที่น่าจะเป็นไปได้คือ
มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดอาหาร
- หลอดอาหารตีบหรือเปล่า ตีบจากใน(FB? , MASS? )หรือว่าตีบจากนอก(MASS?)
- หลอดอาหารขยายมากเกิน(megaesophagus)
- หรือว่าหลอดอาหารอักเสบ
ซึ่งมักจะพบว่าสุนัขมีอาการแห้งน้ำ(ก็มันกินน้ำอาหารเข้าไปไมได้นิ) เลือดข้น แร่ธาตุไม่สมดุลและมีการติดเชื้อในร่างกายร่วมด้วย
หลังจากคิดว่าน่าจะเป็นโรคนี้แล้วเราต้องตัดโรคอื่นที่เราสงสัยออกไปและยืนยันโรคที่เราคิดว่าน่าจะเป็น(rule out )โดยการตรวจเพิ่มเติมดังนี้คือ
- X-ray : ดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมใน esophagus ไหม ? ถ้าสงสัยผ้าหรือยางต้องใช้การกลืนสารทึบรังสีร่วมด้วย เพื่อระบุขนาดและตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอมนั้น
อาจพบการคั่งของแก๊สก่อนถึงตำแหน่งที่อุดตัน
บางตัวอาจสำลักของเหลวเข้าปอด --> ปอดอักเสบตามมาได้ [Tx : O2 + ABO + Fluid ระวังด้วย]
อาจพบน้ำหรืออากาศคั่งในช่องอก --> แสดงว่าหลอดอาหารในช่องอกฉีดขาด [Tx : sur]
- ส่องกล้อง [endoscopy] เพื่อดูลักษณะของสิ่งแปลกปลอมและเยื่อบุทางเดินอาหาร ถ้าเล็กก็สามารถคีบออกได้ ถ้าใหญ่หรือฉีกขาดต้องทำการผ่าตัด
รักษาไง ? ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ ความเสียหายที่เกิดกับเยื่อบุทางเดินอาหารว่ามากน้อยแค่ไหน
ถ้าบาดเจ็บเล็กน้อย : ทานอาหารอ่อน + กินยา(ABO + ยาเคลือบทางเดินอาหาร + ยาลดอาเจียน + ยาลดกรด)
ถ้าบาดเจ็บมาก : อาจต้องสอดท่อให้อาหารหรืออาจต้องงดน้ำและอาหารในระยะแรก แต่ให้ผ่านทางเส้นเลือดแทน(IV) เพื่อพักการทำงานของหลอดอาหาร
พอรักษาไปแล้วก็ต้องทีการติดตามผลว่าเป็นอย่างไร หมอก็ต้องนัดมาดูอาการ แผลหายดีไหม มีความผิดปกติอะไรเพิ่มขึ้นมาหรือเปล่า เช่น มีการตีบของหลอดอาหารเนื่องจากการหายของแผลหลังจากการรักษาไป 2-3 m หรือไม่(แล้วตรวจ confirm ไง อาจต้องให้กลืนแป้ง x-ray หรือส่องกล้อง แต่ถ้าสุนัขร่าเริงดีไม่มีอาการผิดปกติอะไรก็อาจพิจารณาไม่ทำก็ได้)
จากอาการที่พบข้างต้น ภาวะโรคที่น่าจะเป็นไปได้คือ
มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดอาหาร
- หลอดอาหารตีบหรือเปล่า ตีบจากใน(FB? , MASS? )หรือว่าตีบจากนอก(MASS?)
- หลอดอาหารขยายมากเกิน(megaesophagus)
- หรือว่าหลอดอาหารอักเสบ
ซึ่งมักจะพบว่าสุนัขมีอาการแห้งน้ำ(ก็มันกินน้ำอาหารเข้าไปไมได้นิ) เลือดข้น แร่ธาตุไม่สมดุลและมีการติดเชื้อในร่างกายร่วมด้วย
หลังจากคิดว่าน่าจะเป็นโรคนี้แล้วเราต้องตัดโรคอื่นที่เราสงสัยออกไปและยืนยันโรคที่เราคิดว่าน่าจะเป็น(rule out )โดยการตรวจเพิ่มเติมดังนี้คือ
- X-ray : ดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมใน esophagus ไหม ? ถ้าสงสัยผ้าหรือยางต้องใช้การกลืนสารทึบรังสีร่วมด้วย เพื่อระบุขนาดและตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอมนั้น
อาจพบการคั่งของแก๊สก่อนถึงตำแหน่งที่อุดตัน
บางตัวอาจสำลักของเหลวเข้าปอด --> ปอดอักเสบตามมาได้ [Tx : O2 + ABO + Fluid ระวังด้วย]
อาจพบน้ำหรืออากาศคั่งในช่องอก --> แสดงว่าหลอดอาหารในช่องอกฉีดขาด [Tx : sur]
- ส่องกล้อง [endoscopy] เพื่อดูลักษณะของสิ่งแปลกปลอมและเยื่อบุทางเดินอาหาร ถ้าเล็กก็สามารถคีบออกได้ ถ้าใหญ่หรือฉีกขาดต้องทำการผ่าตัด
รักษาไง ? ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ ความเสียหายที่เกิดกับเยื่อบุทางเดินอาหารว่ามากน้อยแค่ไหน
ถ้าบาดเจ็บเล็กน้อย : ทานอาหารอ่อน + กินยา(ABO + ยาเคลือบทางเดินอาหาร + ยาลดอาเจียน + ยาลดกรด)
ถ้าบาดเจ็บมาก : อาจต้องสอดท่อให้อาหารหรืออาจต้องงดน้ำและอาหารในระยะแรก แต่ให้ผ่านทางเส้นเลือดแทน(IV) เพื่อพักการทำงานของหลอดอาหาร
พอรักษาไปแล้วก็ต้องทีการติดตามผลว่าเป็นอย่างไร หมอก็ต้องนัดมาดูอาการ แผลหายดีไหม มีความผิดปกติอะไรเพิ่มขึ้นมาหรือเปล่า เช่น มีการตีบของหลอดอาหารเนื่องจากการหายของแผลหลังจากการรักษาไป 2-3 m หรือไม่(แล้วตรวจ confirm ไง อาจต้องให้กลืนแป้ง x-ray หรือส่องกล้อง แต่ถ้าสุนัขร่าเริงดีไม่มีอาการผิดปกติอะไรก็อาจพิจารณาไม่ทำก็ได้)
ตอนที่ 1 โรคและภัยของระบบ GI
ห่างหายไปนานครับ เพราะว่าจำ password ไม่ได้ตอนนี้ผมกลับมาแล้วและจะขอดำเนินการต่อในตัวข้อเรื่องโรคและภัยของระบบ GI ซึ่งในคราวก่อนได้ให้ข้อมูลเบื่องต้นเกี่ยวกับความเป็นพิษของช๊อกโกแลตในสุนัขไว้แล้วน่ะครับ ส่วนโรคและภัยที่สามารถพบเจอได้บ่อยในระบบ GI มีดังนี้คือ
ห่างหายไปนานครับ เพราะว่าจำ password ไม่ได้ตอนนี้ผมกลับมาแล้วและจะขอดำเนินการต่อในตัวข้อเรื่องโรคและภัยของระบบ GI ซึ่งในคราวก่อนได้ให้ข้อมูลเบื่องต้นเกี่ยวกับความเป็นพิษของช๊อกโกแลตในสุนัขไว้แล้วน่ะครับ ส่วนโรคและภัยที่สามารถพบเจอได้บ่อยในระบบ GI มีดังนี้คือ
1 กินสิ่งแปลกปลอมติดหลอดอาหาร
2 กลิ่นปาก
3 ฟัน ฟัน
4 ฝีโพรงรากฟัน
5 หูดในช่องปาก
6 โรคตับ
7 กระเพาะบิด
8 พิษจากช็อกโกแลต(กล่าวไปแล้ว)
9 พิษจากองุ่นและลูกเกด
10 ตับ ของโปรดแสนอร่อยของสุนัข
ในระบบ GI ถามว่าอาการต่างๆที่แสดงให้เราทราบว่าเกิดความผิดปรกติขึ้นกับระบบดังกล่าวมีอะไรได้บ้าง ?
ตอบ ก็ดูก่อนว่า anatomy มีอะไรบ้างของระบบแล้วคิดถึงว่าถ้าเกิดความผิดปกติกับเนื้อเยื่อนั้นๆ organ นั้นแล้วจะส่งผลอย่างไร เป็นต้นที่พบเห็นได้บ่อยๆ คือ
อาเจียน (vomiting) : ก็ยังต้องแยกก่อนว่าอาเจียนจริงหรือว่าแค่คย่อน (regurgitation)
ท้องเสีย (diarrhea) : เป็นมานานหรือยัง(แยก acute กับ chronic) ลักษณะอุจจาระเป็นไง (เพื่อแยกว่ามาจาก small bowel หรือ large bowel) ตอนนี้ทานอาหารอะไร มีการเปลี่ยนอาหารกระทันหันหรือไป ทำ vaccine ครบไหม ถ่ายพยาธิตาม programme หรือเปล่า เหล่านี้คือการแยกวินิจฉัยเบื้องต้นเท่านั้นเพื่อทราบแนวทางและแนวโน้มของสาเหตุของภาวะโรคซึ่งจะช่วยให้สัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง และในขณะเดียวกันสัตวแพทย์จะต้องทำการรักษาเพื่อพยุงอาการ[supportive treatment ] ไปด้วย
กลับเข้ามาที่เรื่องที่จะนำเสนอในวันนี้คือ ในหัวข้อที่ 1 การกินสิ่งแปลกปลอมแล้วติหลอดอาหาร( choke)
มีอะไรได้บ้าง ? เมล็ดผลไม้ขนาดใหญ่เช่น เมล็ดทุเรียน เศษผ้า ลูกบอลยาง ลูกเทนนิสก็เคยมี หรืออาหารหรือขนมขนาดใหญ่เกิน กระดูกหมูกระดูกไก่ เหล่านี้ทำให้เกิดการอุดตันหลอดอาหารได้
เจอบ่อยไหม ? บ่อยในพวกพันธุ์เล็ก พวก terrier โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกลูกสุนัข เพราะนิสัยซุกซน
อาการเป็นไง ? ก็เป็นภาวะผิดปกติสุนัขต้องไปสบายใจอยู่แล้วเพราะงั้นมันกะซึม เบื่ออาหาร ก็มันมีอะไรเข้าไปติดอยู่เพราะงั้นร่างกายก็ต้องพยายามเอาออก เลยแสดงอาการขย่อยอาหาร กลืนก็ลำบาก น้ำลายก็สอ พอจับคลาที่คอก็จะแสดงอาการกระสับกระสาย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)