วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553




โรคติดเชื้อที่เด่นๆ น่ะครับ
1 โรคพิษสุนัขบ้า
2 โรคลำไส้อักเสบ
3 โรคไข้หัดสุนัข


วันนี้ผมก็จะมาพูดถึงโรคพิษสุนัขบ้าก่อนน่ะครับ


โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ
-----รุนแรงถึงตาย และติดคนด้วย (zoonosis !!!)
-----เกิดจาก rabies virus -->ทำให้เนื้อเยื่อประสาทและสมองอักเสบ
-----ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคนี้ได้

ติดได้ไง ?
-----โดน กัด ข่วน เลีย จากตัวที่เป็นอ่ะ
-----ต่างประเทศเขาว่า ค้าวคาว แรคคูน สกั๊งค์ เป็นพาหะ(vector)ของโรคได้ = มันนำแต่มันไม่ป่วยด้วยโรคนี้อ่ะ
-----เชื้อจะเคลื่อนที่เข้าเซลล์ประสาทและเส้นประสาท --> เคลื่อนไปสมอง --> สมองอักเสบตามมา
-----บางส่วนเคลื่อนไปต่อมน้ำลาย --> เลยแพร่โรคผ่านน้ำลายได้
-----ปกติเชื้ออยู่ใน สวล.ไม่นาน
-----ในสัตว์ตายมันจะอยู่ได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง (host มันอ่ะ)

อาการ ?
-----ระยะบอกเหตุ (prodomal phase) : เลียแผลที่โดนกัด มีไข้ พฤติกรรมเปลี่ยน บางตัวกระวนกระวาย บางตัวซึม (ประมาณ 2-3 d เริ่มแรกอ่ะ)

-----ระยะก้าวร้าว (furious phase) : จะกระวนกระวาย ไวต่อการกระตุ้น หากโดนขังจะกัดแทะสิ่งๆต่างๆรอบๆ บางตัวก็ชักและตายระยะนี้ (แสดงอาการแบบนี้ปประมาณ 1-7 d)

-----ระยะอัมพาต (paralytic phase) : อาการนี้อาจแสดงหลังระยะบอกเหตุหรือระยะก้าวร้าวก็ได้
-----โดยเริ่มเป็นอัมพาตจากแผลที่โดนกัดก่อน จากนั้นหน้าและคอ --> มันเลยกินและกลืนไม่ได้ไง
-----หายใจลึก --> เนื่องจากอัมพาตของกล้ามเนื้อหน้าและกระบังลม อาการแสดงเหมือนมีอะไรอุดตันในลำคอ
-----เจ้าของเลยเปิดปากดู --> ติดเชื้อเลย
----------------สาเหตุการตายคือ --> ภาวะล้มเหลวของระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากการสูญเสียการทำงานของระบบประสาท


รักษาไงป้องกันไง ?

คือถ้าหมาเราโดนหมาอื่นกัดมาแล้วไม่รู้ว่ามันมาจากไหน อย่างไรเนี่ย เราก็..........

1 กักดูอาการอย่างน้อย 2 wk
2 ถ้ามันมีอาการ เดี๋ยวมันก็ตายไม่รอดอ่ะ ทำได้อย่างเดียวคือตัดหัวส่งตรวจยืนยัน !!!!!!

อ้าว แล้วแล้วถ้าถ้าเราไปโดนน้ำลายแบบโดนมันกัดด้วยอ่ะ ทำไงดี ????

1 ล้างแผลก่อน น้ำสะอาดและฟอกสบู่ 2-3x จากนั้นเช็ดด้วย alcohol จากนั้นใส่ betadine หรือ tinger iodine แล้วรีบไปหาหมอคนโลดดด!!!!!
2 ถ้าสงสัยไม่แน่ใจก็ฉีดเซรุ่มและวัคซีนป้องกันหมาบ้าโลด!!
3 ป้องกันที่ตัวหมา ก็พาน้องหมาไปฉีดวัคซีนซะหน่อยน่ะเป็นประจำทุกปี เท่านี้เอง









Monday, Aug. 30, 2010
RESEARCH SHOWS THAT SELAMECTIN IS SAFE FOR RABBITS AND HIGHER DOSES ARE NEEDED TO EFFECTIVELY TREAT FLEAS



MANHATTAN -- Selamectin, a widely used product that kills parasites in dogs and cats, is an effective treatment for fleas in pet rabbits, according to a Kansas State University research team.
James Carpenter, professor of zoological medicine, collaborated with Michael Dryden, professor of diagnostic medicine and pathobiology, and Butch KuKanich, an associate professor of anatomy and physiology. The team recently found that not only is topical selamectin safe to use on rabbits, but rabbits also need a higher dose of the drug than dogs and cats to effectively get rid of fleas.
Carpenter wanted to look at pet rabbits because more veterinary clinics are seeing exotic animals, especially small animals such as rabbits, ferrets and guinea pigs. He said exotic animal medicine is rapidly becoming an integral part of most companion animal practices, and more households report owning rabbits than any other exotic animal.
"Selamectin is widely used with dogs and cats, but there has never been a combined pharmacokinetic and efficacy study conducted on an exotic animal," Carpenter said.
The researchers had three goals: to determine the safety and efficacy of selamectin topically on rabbits with a known quantity of fleas; to discover how quickly selamectin is absorbed and how long it works in the animal; and to see what dose and treatment intervals of selamectin would be effective to get rid of fleas.
Pfizer Animal Health contributed $25,000 for the project.
Researchers found that there were no adverse effects of using selamectin on rabbits, and that transdermal selamectin is more quickly absorbed, metabolized and eliminated in the rabbit than in the cat and dog.
"Veterinarians who were using selamectin based on dog and cat dosages were giving it at too low a dose and less frequently than needed," Carpenter said. "We're recommending 15 to 20 milligrams per kilogram topically every seven days for flea infestations in a rabbit."
Previously, most veterinarians were applying selamectin topically on rabbits at 6 to 10 milligrams per kilogram per month.
While the results of the study lay the foundation for flea control in rabbits, the researchers said that further studies are needed to ensure that the recommended dose is safe and effective for all rabbits, including different breeds and ages, as well as for those with underlying health problems.
Carpenter presented "Efficacy and Pharmacokinetics of Selamectin in the Pet Rabbit" at the 31st annual conference of the Association of Avian Veterinarians/Association of Exotic Mammal Veterinarians in San Diego in early August.
"We received a lot of compliments regarding our research," Carpenter said. "Our veterinary colleagues were pleased to see the results so they can now administer the proper dose."
The team is in the process of writing a manuscript for a veterinary journal and hopes to distribute the scientific findings internationally.




Source: James Carpenter, 785-532-4269, carpentr@ksu.eduhttp://www.k-state.edu/media/mediaguide/bios/carpenterbio.htmlNews release prepared by: Jennifer Torline, 785-532-0847, jtorline@k-state.edu

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตับ ของโปรดแสนอร่อยของสุนัข
















"ตับ" ของโปรดแสนอร่อยของสุนัข
ถ้ากินตับต่อเนื่องกันนาน ความผิดปกติที่เห็นได้เด่นชัดคือ ขนหยาบกร้าน ผิวหนังแห้ง
เพราะว่าอะไร ? ตอบ เพราะตับมี vitamin A เยอะมาก พอกินเยอะๆ นานก็เกิดการสะสมกลายเป็น vitamin A toxicity

อาการเป็นไงอ่ะ ?
ผอม
น้ำหนักลด
ซึม
ผิวหนังและขนหยาบกร้าน (vitA toxicity)
เจ็บเวลาเดินเนื่องจากข้อต่อแข็งเกร็ง(สุนัขโต) (ต้องตรวจคลำ + X/R) (ddx : OA , neoplasia)
ถ้าเป็นในลูกสุนัข --> จะเเคระเกร็น (เป็นอาการที่เด่นชัดมาก)
เพราะไวตามินเอที่สะสมในร่างกายมากผิดปกตินั้น ส่งผลให้การเจริญของกระดูกผิดปกติไป เช่น
----- การสร้าง collagen ที่เป็นส่วนประกอในกระดูกหยุดไป
-----การเจริญของกระดูกลดลงในลูกสุนัข
----- กระดูกอ่อนเจริญผิดปกติ


แก้ไขๆๆ
----- ปรับอาหารให้สมดุล
-----ร่วมกับการรักษาทางยา















พิษจากองุ่นและลูกเกด




องุ่นจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ : คนนิยมทานเยอะ


หลังฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นไร้เมล็ด --> เข้าโรงงาน --> ไปเป็นลูกเกด


ถ้าตากแดด --> ได้สีดำคล้ำ


ถ้าอบแห้ง หรือ H2S--> ได้สีทอง




เค้าว่ากันว่ามันเป็นพิษในสุนัข แต่!!!! thai ยังไม่มีรายงานว่าเจอเคส


เค้ายังว่ากันอีกว่าพิษมันรุนแรงมากอ่ะ


อืมมมมงั้นเรามาทำความรู้จักกับมันหน่อยเนอะ เพื่อความปลอดภัยของน้องหมาของเรา




ขนาดที่เป็นพิษได้ในสุนัขคือ > 3g/kgBW


โดยอาการแสดงคือ ARF sign (หลักๆคือ oliguria=ฉี่น้อยม๊ากมาก ;< 0.5cc/kg/d)


-----อวกหลังกิน 2-3 hr


-----จากนั้น ซึม เบื่ออาหาร ท้องเสีย และปวดท้อง (คือถ้าเราจับท้องจะรู้สึกว่าเค้าเกร็งท้องอ่ะ)


แล้วทำไมถึง ARF ?


จริงๆ ยังไม่รู้แน่ แต่เค้าว่ากันว่าจาก


1. toxin ของราในองุ่น --> ผลคือเกิด tubular degenerative & necrosis


2. ยาฆ่าแมลง ผลเหมือนข้อหนึ่ง , สารเคมีจากขบวนการอบแห้ง


3. หรือจากอะไรก็ไม่รู้หลังกิน แต่ผลมันคือ renal blood flow อ่ะลดลง




หมอหมอ!!!!!!!!ช่วยด้วยๆน้องหมาผมเพิ่งกินองุ่นไปผมเห็นว่ามันชอบกินผลไม้ผมเลยให้มันอ่ะ แล้วๆๆมันก็มีอาการแบบนี้อ่ะหมอ คือ มันดูซึม ถ่ายเหลว จับท้องมันมันเกร็ง แล้วก็ตั้งแต่กินไปฉี่มันยังไม่ฉี่เลยอ่ะหมอ กลุ้มในมากช่วยหมาผมด้วยน่ะหมอ




ddx -->น่าจะพิษจากองุ่น/ลูกเกด


------> อื่นๆเป็นไรได้อีกมั่ง กิน etthylene glycol , leptospirosis




ครับผม หลังจากให้กินหรือว่าได้รับจนถึงตอนนี้กี่ชั่วโมงแล้วครับ เป็นวันได้ยัง?


กินเข้าไปเยอะไหม ?


ถามไปพร้อมกับ keep vein เพื่อ load fluid (ให้ตัวไหนดีหว่า NSS หรือ ACETAR ดีหว่า) +ยาที่ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงไตและลดภาวะไตวายแบบฉับพลัน


เเทงเส้นได้ก็เก็บเลือดก่อนเลย หรือไม่ก็ เก็บเลือดต่างหากก่อน เพื่อตรวจ screening ต่างๆ หลักก็มี CBC ค่าตับ(ALT , ALP) ค่าไต (BUN , CREA) ซึ่งผลที่ค่าว่าจะเจอก็คือ ค่าไตสูงขึ้น


แคลเซียม ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมในเลือดสูงขึ้น


ส่งผลให้ระต่างๆของร่างกายทำงานอย่างผิดปกติร่วมกัน




หมอก็จะช่วยทำให้น้องหมาอาเจียน (อาจใช้ยากระตุ้นอาเจียน)


ให้ผงถ่าน(หวังผลว่าช่วยดูดซึมสารต่างๆที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของร่างกาย การผลิตลูกเกดนั้นอาศัยการอบแห้ง ซึ่งอาจทำให้ลูกเกดอมสารละลายยาและพองตัวมากขึ้นได้ )
























วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สวัสดีอีกครั้งน่ะครับ หลังจากที่ห่างหายไปนานแสนนาน เหอๆ ที่นี้ก็กลับมาถึงหัวข้อสุดท้ายของโรคระบบทางเดินอาหารที่พบเจอได้บ่อยๆกันน่ะครับ ประเทศไทยเราผมไม่แน่ใจว่าอุบัติการณ์(incidence) ของโรคนี้พบเจอได้มากน้อยแค่ไหนน่ะครับ ส่วนใหญ่มักจะเจอในต่างประเทศเสียมากกว่าแต่ไม่เป็นไรน่ะครับ เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ไว้ก่อนเพื่อจะได้เป็นการป้องกันไว้เพราะว่าโรคนี้ก็อันตรายค่อนข้างมากทีเดียวน่ะครับ โรคนั้นก็คือ พิษจากช็อกโกเเลต นั้นเอง เรามาดูกันน่ะครับว่าพิษจากช๊อกโกแลตนั้นอันตรายอย่างไร let's get started!!!

"สารเมททิลแซนทีน" ที่พบได้ใน ช็อกโกแลตชนิดต่างๆ และถั่ว cacao ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตโกโก้ สารในกลุ่มเมททิลแซนทีน เช่น สารทีโอโบรมีนและคาแฟอีน จะมีผลทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือด (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเลือดในบริเวณสมองส่วนหน้า) รวมทั้งจะกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจให้เต้นเร็วและแรงมากขึ้น นอกจากนั้นอาจมีผลทำให้เกิดการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและทำให้เกิดการชัก โดยปริมาณสารเมททิลแซนทีนที่น้อยที่สุดที่สามารถทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายสุนัขคือ 100-200 mg/kg ของน้ำหนักสุนัข

เอ่แล้วถ้าน้องหมาได้รับช็อกโกแลตแล้วแสดงอาการเป็นพิษจะแสดงอาการอย่างไรน่ะ ?
อาการแสดงที่พบได้คือ อาเจียนฉับพลัน ท้องเสีย หัวใจบีบตัวแรง เต้นเร็ว ไวต่อการกระตุ้นและอาจชักได้
อุบัติการณ์
มากในสุนัข พบน้อยในแมว ส่วนใหญ่มักพบในสุนัขที่อยู่ในเขตเมืองและเป็นสุนัขที่เลี้ยงภายในที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่มีของหวานสำหรับงานเฉลิมฉลอง มักพบอาการในสุนัขพันธุ์เล็กรวมถึงลูกสุนัข ทั้งนี้เนื่องจากผลด้านน้ำหนักตัวต่อปริมาณช็อกโกแลตที่กินเข้าไป และอุปนิสัยการกินสิ่งแปลกปลอมในปริมาณมากๆ
เนื่องจากรสชาติที่หวานหอมจึงดึดดูดให้สุนัขกินได้ปริมาณมาก และสารกลุ่มเมททิลเเซนทีนสามารถดูดซึมผ่านทางเดินอาหารได้อย่างดีและรวดเร็ว ทำให้สุนัขเสี่ยงต่อการเกิดพิษจากช็อกโกแลตได้มาก
ตอนที่น้องหมามาหาคุณหมอมักจะเป็นอย่างไร ?
ส่วนใหญ่ก็มีประวัติการกินช๊อกโกแลตมาร่วมกับอาเจียนและท้องเสีย (มักพบว่าแสดงอาการหลังกินภายใน 24 ชั่วโมง) รวมทั้งกระสับกระส่าย ตื่นเต้น ตัวแข็งเกร็ง ปัสสสาวะบ่อยและแสดงอาการชัก พอคุณหมอตรวจร่างกายก็จะพบว่าตัวร้อนมีไข้ ตอบสนองไวต่อการกระตุ้น ในกรณีร้ายแรงสุนัขอาจจะแสดงอาการหัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้ออ่อนแรง โคม่า และเสียชีวิต (โดยทั่วไป สุนัขมักเสีบชีวิตภายใน 12-36 ชั่วโมง )
แต่ถ้าเจ้าของไม่รู้อ่ะว่าเจ้าตูบแอบไปกินช๊อกโกแลตมาแล้วอย่างงี้ หมอจะเดาว่าเป็นโรคอะไรได้บ้างจากอาการแสดงที่กล่าวมา (อาเจียน ท้องเสีย กระสับกระส่าย ตื่นเต้น ตัวแข็งเกร็ง ปัสสาวะบ่อย ชัก ตัวร้อนเป็นไข้ ไวต่อการกระตุ้น)
น่าจะเป็นพวกการได้รับสารพิษ เช่น
ยาเบื่อหนู
ยาฆ่าแมลง
พิษจากเชื้อรา
สารแอมแฟตามีน
สารนิโคติน
การรักษาและการป้องกัน
ต้องพยายามไม่ให้สุนัขเครียดและตื่นเต้น พร้อมทั้งรีบนำส่งหมอหมาโดยด่วน แจ้งรายละเอียดต่างๆแก่คุณหมอรวมทั้งประวัติว่าได้กินช็อกโกแลตเข้าไป หมอก็จะรักษาตามอาการ เช่น
ให้ยากระตุ้นการอาเจียน ล้างท้อง ให้สารน้ำและอิเล็กโตรไลท์เนื่องจากสุนัขอาเจียนและท้องเสีย ในกรณีชักอาจต้องให้ยาซึม กรณีหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อาจต้องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจพร้อมทั้งให้ยาช่วยทำให้การทำงานของหัวใจกลับมาปกติ
จะเห็นได้ว่าหน้าตาสวย หวาน น่ากินแบบนี้ แต่ไม่เหมาะกับสุนัขเอาซะเลยน่ะครับ เพราะฉะนั้นขอให้คุณเจ้าของดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษนิดนึงน่ะครับ เพื่อความปลอดภัยของน้องหมาของคุณ ธรรมสวัสดีครับ ('',)




วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

















Figure 1 - side view of a dog's abdomen: take note of the stomach is moderately distended with gas in a dog with GDV. The stomach has a reverse "C" shape which indicates that it is twisted

Figure 2: the belt or tongue of tissue created on the stomach has been pulled through the beltloop of the abdominal wall and the belt is sutured onto the stomach, completing a beltloop gastropexy.

Figure 3 below: a belt loop is created in the muscle wall of the abdomen on the right side.

Figure 4 below: the belt loop gastropexy involves creating a belt or tongue of tissue on the stomach.

Figure 5 : an illustration of a stomach in normal position (E=esophagus; D=duodenum); right - after the stomach twists 270o in a clockwise direction, the duodenum as it exits the stomach, is moved to the top and behind the stomach, the esophagus is twisted and the stomach is becomes distended like a balloon.

http://www.vetsurgerycentral.com/gdv.htm

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
















7 กระเพาะขยาย +/- บิด GD , GDV

หมาใหญ่ อกลึก : doberman,labrador, St Bernard , Great Dane [กพขยายและบิด]

อาการเป็นไง ?

กระวนกระวาย น้ำลายไหลมาก ปวดท้องมาก เนื่องจากช่องท้องขยายใหญ่ หายใจเร็ว เหงือกซีด อาเจียน ท้องเสีย --> หาหมอด่วน!!!

ทำไมหนา ทำไม ?
ก็เพราะด้วยโครงสรางร่างกายของมันที่เอื่ออำนวยให้เกิด ร่วมกับปัจจัยหลักคือสาเหตุโน้มนำ

สาเหตุโน้มนำอื่นๆ เช่น
ให้กินวันละมื้อแต่คราวละมากๆ
กินน้ำมากๆ หลังกินอาหาร
วิ่งเล่นเลยช่วงหลังกินอาหาร 1-2 ชั่วโมง


ด้วยเหตูประการฉะนี้กพก็เลยขยายจากการสะสมของกากอาหารและแก๊สร่วมทั้งของเหลวในกระเพาะอาหาร ถ้าบิดร่วมด้วยจะรุนแรงมาก ทั้งนี้เนื่องจากมันไม่สามารถอวกออกมาได้ทำให้กพ.ก็ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้การที่กพ.บิดส่งผลให้ม้ามอยู่ผิดที่ด้วย ผลคือการไหลเวียนของเลือดในร่างกายผิดปกติ


ตัวผนังกระเพาะขากเลือดมาเลี้ยงและเกิดเนื้อตาย
เลือดไหลเข้าและออกจากหัวใจลดลง --> ช็อกตามมาได้
รักษาไงอ่ะคุณหมอ ?

Cs + Ht + PE and then, keep vein (FLUID) + ABO + STEROID
สอดท่อเข้า กพ.เพื่อระบายและลดการขยายของกระเพาะ
แต่ถ้าบิดร่วมสอกยาก
x ท้อง
ECG ดูการทำงานของหัวใจ


ถ้าไมได้ศัลโลด!!!!

ผ่าเข้าไปแล้วก็ดูว่าเนื้อเยื่อของกระเพาะดีดูไหม ม้ามดีอยู่ไหมบิดแค่ไหน เสียหายเยอะไหม จากนั้นก็จัดท่าใหม่ อาจมีการเย็บรั้งของเยื่อบุผนังกระเพาะกับเยื่อบุช่องท้อง เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำแต่มันก็เกิดซ้ำได้น่ะ


ป้องกันไม่ให้มันเกิดทำไงดี ?
แบ่งอาหารให้กิน 2-3 มื้อ และให้มีน้ำกินตลอดทั้งวัน
งดการออกกำลังกายหลังกินอาการ 2-3 ชั่วโมง










6 .ตับ ตับ LIVER LIVER

เป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญน่ะ

หน้าที่มันคือ

1 สร้างน้ำดี (bile)-->ช่วยย่อยไขมัน
2 สร้างโปรตีน (albumin) หรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเเข็งตัวของเลือด(clotting factor)
3 ทำลายหรือปลี่ยนแปลงสาร เช่น NH3-->urea แล้วขับออก
4 เปลี่ยนแปลงรูปแบบยา และฮอร์โมน ให้พร้อมทำงานหรือขับออก (metabolization,conjugation,excretion)

สมมติว่าตับผิดปกติน้องหมาจะมีอาการอย่างไร ?
(ก็พิจารณาตามแง่ของ structural และ functional : ตัวตับเองผิดปกติเพราะฉะนั้น อาจจะเจ็บบริเวณช่องท้องส่วนหน้า หรืออาจมีตับโต ท้องมานหรือน้ำคั่งในท้อง )
ตัวมันผิดปกติก็ส่งผลให้มันทำงานผิดปกติด้วยจริงไหม ?

ในแง่ของหน้าที่ล่ะ ?

1 น้ำดีสร้างออกมานำไปใช้ไม่ได้เกิด bile stasis อยู่ในตับ อาหารไขมันก็ไม่ถูกย่อยหรือย่อยไม่สมบูรณ์ เพราะฉะนั้น GI ต้องผิดปกติแน่ๆ -->มีการขับถ่ายอุจจาระผิดปกติ เช่น ท้องเสีย ท้องผูก อุจจาระเทา ซึ่งส่งผลให้ซึม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียนร่วมกับความผิดปกติอื่นๆที่จะกล่าวต่อไป

2 clotting factor ก็สร้างไมได้อีก ผลคือ เลือดหยุดยากเวลาที่มีบาดแผลไง
protein ก็สร้างลดลง โดยเฉพาะ albumin ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการรักษา oncotic pressure ใน bv เมื่อสร้างลดลงน้ำมันก็เลย leak ออกมาอยู่ในช่องว่าง (third space loss occupying) ก็เลยเห็นว่าน้องหมามีอาการท้องบวมได้ แต่เวลาท้องบวมต้อง palpate ดูก่อนน่ะว่าเป็น mass gas หรือ fluid แล้วอีกอย่างท้องบวมอาจเป็นโรคหัวใจที่เกิดจาก heartworm ก็เป็นได้

3 เปลี่ยน NH3 ,NH4 เป็น urea ได้ลดลง เพราะงั้นมันก็เกิด amminia toxicity โดยหลักๆก็มักจะ effect กับสมองก่อนเลย --> อาการแสดงคือชัก

4 ดีซ่าน (jaundice) อากากรแสดงอย่างเด่นชัดที่บ่งบอกภาวะโรคตับ จะพบว่าเยื่อชุ่มเมือก เช่น เยื่อตาขาว เหงือก valva prepuce เป็นสีเหลือง ถ้าเป็นขั้นรุนแรงจะพบว่าผิวหนังทั่วไปแสดงอาการเหลืองปรากฏชัดเจน สาเหตุเนื่องจากการที่ bilirubin ซึ่งเป็นสารสีเหลือง เป็นผลิตผลหลักจากการทำลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ (aging RBC) ไม่ได้รับการ conjugated และขับออกโดยตับจึงเป็นเหตุให้เกิดการสะสมของสารดังกล่าวมากในกระแสเลือด (bilirubinemia) โดยหลักๆ เมื่อได้รับการ conjugated แล้วจะขับออกมาพร้อมกับ bile และหลั่งเข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น(duodenum) เพื่อทำหน้าที่ช่วยย่อยไขมัน ส่วนมากประมาณ 95% ถูกดูดกลับบริวเณ ilium ส่วนที่เหลือขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ เราเลยเห็นว่าอุจจาระมีสีเหลือง แต่ถ้ามีการคั่ง bilirubin ในกระแสเลือดมากมาก จะส่งผลให้ต้องขับออกทางไต bilirubinuria ซึ่งเราจะพบว่าปัสสาวะมีสีเหลืองส้ม ซึ่งเจ้าตัว bilirubin นี้เป็นพิษกับตัวไตอย่างมากทำให้ไตเสียหาย ทำให้การทำงานของตัวไตผิดปกติไปจึงเกิดภาวะการกินน้ำมาก และปัสสาวะมากตามมา และอีกอย่างคือร่างกายต้องการที่ละเร่งกำจัดของเสียเหล่านี้ออกจากร่างกายจึงต้องกินน้ำมากและปัสสาวะมากเพื่อเอามา diluted สารพิษนี้

หมอ หมอทำไงดี ?

HT + PE + CBC,BC + x-ray,U/S + biopsy?
การรักษาก็ดูตามสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่จะรักษาคล้ายๆกัน
1 ยาอะไรที่จะเป็นพิษต่อตับ ลดไป
2 งด หรือลดโปรตีนและไขมันลง ให้คาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก ร่วมกับการให้วิตามินบำรุงตับ
3 งดกินเค็ม (ควบคุมเกลือโซเดียม) เพื่อควบคุมท้องมาน ??? งงอ่ะทำไมหว่า???
4 ควบคุมการติดเชื้อและความผิดปกติที่จะส่งผลต่อตับและการทำงานของตับ

โรคไรบ้างเจอได้ ?

IFC (bac,virus)
degen : ปกติตับซ่อมแวมตัวเองเก่งมาก แต่ถ้าบาดเจ็บแบบรุนแรงก็ไมไหวเหมือนกัน เช่น โดนกระแทกแรงๆ ยาหรือสารพิษในปริมาณมาก(ฉับพลัน)หรือน้อยๆแต่บ่อยครั้งและนานๆ (เรื้อรัง)
อื่นๆ : เส้นเลือดในตับผิดปกติ เนื้องอก

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

5 หูดในปากและใบหน้า
- เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นของเนื้อเยื่อบริเวณผิว
- ลักษณะกลม ขรุขระคล้ายดอกกะหล่ำ
- ส่วนใหญ่เจอในลูกสุนัขและสุนัขเล็ก (<>
- บวิเวณที่มักเจอ ช่องปาก เหงือก ลิ้น ริมฝีปาก จมูก ขอบตา

มันเกิดจากอะไรกันน่ะ ?
- มันคือเชื้อไวรัส Papilloma virus
- ไม่ติดคนน่ะ
- ฟักตัว 1-2 m
- พอมีมันแล้วปัญหาคือ
- ถ้าเกิดในช่องปากก็ทำให้กินอาหารลำบาก
- มีเลือดออก
- มีการสะสมของคราบอาหาร-->ส่งกลิ่นง่ะ

แก้ไขไงดีอ่ะ ?
- ปกติสามารถทุเลาลงและหายเองได้
- นานแค่ไหนอ่ะ ตอบ 1-5m
- แต่ถ้ามีปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมา --> ตัดออก , เอาหูดไปทำ vaccine แล้วฉีดกลับไป หรือให้ยาต้านไวรัสกรณีเป้นรุนแรงมากมาก

4 ฝีโพรงรากฟัน
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่สงผลให้เกิดการติดเชื้อที่โพรงรากฟัน ได้แก่
(อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ฟันมันหัก มันแตก เป็นโพรง เป็นรู กระทบกระแทก trauma หรือขูดหินปูน ทำศัลฟันต่างๆ หรืออาจอื่นๆแล้วส่งผล 2' : bacteremia , NSAIDs นานๆ(IMS), เบาหวาน,หมวกไต)

-คอฟันได้รับบาดเจ็บ
-ฟันหัก ทำให้เกิดการอักเสบหรือเกิดเนื้อตายบริเวณคอฟัน
-กัดหรือต่อสู้กัน (เจอบ่อย) ทำให้ฟันบาดเจ็บและติดเชื้อ
-กัดแทะของแข็งโดยเฉพาะในลูกสุนัข
-ศัลยกรรมฟัน เช่นแก้ไขการหักของกระดูกกราม
-การติดเชื้อแบคทีเรียนในร่างกายและแพร่กระจายผ่านทางกระแสเลือด
-การได้รับความร้อนสูงและเกิดเนื้อตายบริเวณฟัน
-การใช้ยาบางชนิด เช่น NSAIDs นานๆ -->IMS -->ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในร่างกาย
-โรคเบาหวานหรือความผิดปกติของต่อมหมวกไต

อาการเป็นไง ?
ที่เจ้าของสามารถเห็นได้ เช่น
พบฟันหัก
ฟันมีคราบอาหารหรือหินปูนเยอะมาก
ฟันเปลี่ยนสี
หน้าบวมและไวต่อการสัมผัส(ก็คือจับแล้วมันเจ็บอ่ะ)
พบรอยชอนไชของฝีและมีคราบหนอง
บริเวณผิวหนังใบหน้าใกล้เคียงกับฟันมีปัญหา
เคี้ยวอาการโดยใช้กรามด้านเดียว
ช่องปากมีกลิ่นเหม็น
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใบหน้าบวม
หากเกิดความผิดปกติบริเวณกรามบน อาจพบการอักเสบของโพรงจมูกได้
บางตัวอาจพบว่าฟันบางซี่หลุดหายไป

หมอทำไงดี ?
vet ก็ PE +ใส่ใจกับใบหน้าและช่องปากเป็นพิเศษโดยตรวจละเอียด
x-ray ดู lesion บริเวณกราม
CBC --> ดูความสมบูรณ์ของร่างกาย
เก็บตัวอย่างอื่นๆ เพื่อการวินิจฉัยแยก เช่น เนื้องอกบริเวณเหงือก

รักษาไงดี ?
ถอน ถอน ถอน แล้วก็ถอน ซี่ที่ผิดปกติออกและ drain หนองและเนื้อตายอก + ABO + ลดปวด
หมายเหตุ ถอนฟันก็ต้องวางยา เพราะงั้นต้องตรวจร่างกายให้ดีก่อนวางยาสลบ

หลังรักษาต้องพัก ขังกรง + ให้กินอาหารอ่อน 3 วัน เป็นอย่างน้อยเพื่อลดกระทบกระเทือนบริเวณกราม
ประคบเย็นใบหน้าใกล้ตำแหน่งที่มีความผิดปกติ เพื่อลดการอักเสบ

ป้องกันไงดี ?
ลดโอกาสต่างๆที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บแก่ฟัน

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

3 ฟัน ฟัน ( แง่ structural and Functional)
- มี 2 ชุด น้ำนม (28 ซี่ เริ่มขึ้นตอน 3-4 wk ครบตอน 2 m ) กับ แท้(42 ซี่ เริ่มขึ้นประมาณ 4 m พร้อมกับน้ำนมหลุด ขึ้นครบประมาณ 7 m) (ต่างกันไง ? จน. ลักษณะการขึ้น ลักษณะเฉพาะของแต่ละซี่)

- I C P M
- I ใช้ตัด
- C ใช้คาบ,ฉีก
- P ใช้ตัด,ฉีก
- M ใช้บด

- ฟันบอกอายุได้ (ดูไง ? คราบอาหารคราบหินปูนที่เกาะคอฟัน การสึกกร่อนของฟัน การอักเสบของเหงือก หรือแม้แต่การหลุดหายไปของฟันบางซี่)

- การประเมินอายุจากลักษณะฟัน
2-4 wk : ยังไม่มีฟันขึ้น
3-4 wk : น้ำนมเริ่มขึ้น
4-6 wk : น้ำนมแทรกขึ้นเหนือเหงือก
2 m : น้ำนมครบทุกซี่
3-4 m : เริ่มกระจายตัวห่าง
5-7 m : น้ำนมเริ่มหลุดแลแท้เริ่มขึ้น
7 m : แท้ครบ
1 yr : แท้-ขาว สะอาด
1-2 yr : ฟันกรามเริ่มมีคราบอาหารและหินปูน
3-5 yr : หินปูนเกาะมากขึ้น
5-10 yr : หินปูนเกาะมาก + เริ่มมีอาการของโรคเหงือก
10-15 yr : หินปูนมากมาก +/- เริ่มมีการสึกกร่อน +/-ฟันบางซี่หลุดไป

แต่อาจมีการผิดพลาดได้เนื่องจากลักษณะของบางสายพันธุ์ การเอาใจใส่ดูแลของเจ้าของทำให้บางตัวอายุมากแต่ฟันยังขาวสะอาด ซึ่งต้อง keep in mind ไว้ด้วย
2 น้องหมาปากเหม็น
- มักเจอในสุนัขพันธุ์เล็กเพราะว่าอายุยืน อีกทั้งพวกพันธุ์เล็กรวมถึงพวกหน้าสั้นชุดฟันมักเรียงกันหนาแน่นและใกล้ชิด --> สะสมอาหารได้ง่าย --> Bac โตดี
- สาเหตุ
GI เอง หรือระบบอื่น(RS , upper GI ) หรือสิ่งอื่นมาทำกับ GI(FB)
GI เอง (ในช่องปาก : เหงือก ฟัน ลิ้น เยื่อบุช่องปาก , คอหอย หลอดลม หลอดอาหาร)
IFM,IFC
เหงือกอักเสบ
ช่องปากอักเสบ
ฟันอักเสบ
รากฟันอักเสบ
tartar
FB ติดในช่องปาก
เนื้องอกในช่องปาก
ผิวหนังอักเสบแถวริมฝีปาก
ระบบอื่น เช่นระบบหายใจ(RS)
IFM,IFC
ช่องและโพรงจมูกอักเสบ
FB ในช่องและโพรงจมูก
เนื้องอกในช่องและโพรงจมูก ในท่อทางเดินหายใจ
upper GI
IFM,IFC
หลอดอาหารขยาย
FB
นง.(tumor, Mass)
urogen
CRF
Pathphysio
สวลที่ไม่เหมาะสมของปาก + การสะสมของอาหาร --> bac โต (esp. anaerobe)-->H2S + เพิ่มจำนวน --> ขอบเหงือกผิดปกติ + bacteremia + endotoxemia
อาการที่พบเจอได้
ซึม เบื่ออาหาร
กินลำบาก เพราะเจ็บปาก
เลือดออกจากเหงือกและบริเวณปาก
น้ำลายไหลตลอดเวลา
บางกรณีอาจตะกุยปาก
การรักษาและป้องกัน
ไปให้หมอตรวจเพราะอาจต้องวางยาสลบ ร่วมกับตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจเลือดร่วมด้วย (ดูภาวะ IFC )
มีหินปูน --> นัดขูด
ช่องปากอักเสบ --> ดูว่าสาเหตุคือ จากหินปูน(ขูด) CRF (แก้ที่สาเหตุร่วมกับทา kenolone) ฟัน (x-ray ดูความผิดปกติ อาจต้องถอน)
สำคัญเลยคือรักษาที่สาเหตุร่วมกับการทำความสะอาดช่องปาก(แปรงฟัน ตรวจประจำปี อาหารช่วยลดคราบบอาหารและหินปูน ถ้ามี IFC,IFM -->ABO + Soln ที่มี Chlx เพื่อทำความสะอาดช่องปาก)
พอหมอตรวจหมอก็จะวินิจฉัยแยกโรค โดยดูว่าพบเจออาการอะไรเพิ่มเติมบ้างร่วมกับสิ่งที่เจ้าของได้ให้ข้อมูลมาในตอนต้น พร้อมทั้งประมวลความรู้ว่าน่าที่จะเป็นโรคอะไรได้บ้าง ซึ่ง
จากอาการที่พบข้างต้น ภาวะโรคที่น่าจะเป็นไปได้คือ
มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดอาหาร
- หลอดอาหารตีบหรือเปล่า ตีบจากใน(FB? , MASS? )หรือว่าตีบจากนอก(MASS?)
- หลอดอาหารขยายมากเกิน(megaesophagus)
- หรือว่าหลอดอาหารอักเสบ

ซึ่งมักจะพบว่าสุนัขมีอาการแห้งน้ำ(ก็มันกินน้ำอาหารเข้าไปไมได้นิ) เลือดข้น แร่ธาตุไม่สมดุลและมีการติดเชื้อในร่างกายร่วมด้วย

หลังจากคิดว่าน่าจะเป็นโรคนี้แล้วเราต้องตัดโรคอื่นที่เราสงสัยออกไปและยืนยันโรคที่เราคิดว่าน่าจะเป็น(rule out )โดยการตรวจเพิ่มเติมดังนี้คือ
- X-ray : ดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมใน esophagus ไหม ? ถ้าสงสัยผ้าหรือยางต้องใช้การกลืนสารทึบรังสีร่วมด้วย เพื่อระบุขนาดและตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอมนั้น

อาจพบการคั่งของแก๊สก่อนถึงตำแหน่งที่อุดตัน
บางตัวอาจสำลักของเหลวเข้าปอด --> ปอดอักเสบตามมาได้ [Tx : O2 + ABO + Fluid ระวังด้วย]
อาจพบน้ำหรืออากาศคั่งในช่องอก --> แสดงว่าหลอดอาหารในช่องอกฉีดขาด [Tx : sur]

- ส่องกล้อง [endoscopy] เพื่อดูลักษณะของสิ่งแปลกปลอมและเยื่อบุทางเดินอาหาร ถ้าเล็กก็สามารถคีบออกได้ ถ้าใหญ่หรือฉีกขาดต้องทำการผ่าตัด

รักษาไง ? ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ ความเสียหายที่เกิดกับเยื่อบุทางเดินอาหารว่ามากน้อยแค่ไหน
ถ้าบาดเจ็บเล็กน้อย : ทานอาหารอ่อน + กินยา(ABO + ยาเคลือบทางเดินอาหาร + ยาลดอาเจียน + ยาลดกรด)
ถ้าบาดเจ็บมาก : อาจต้องสอดท่อให้อาหารหรืออาจต้องงดน้ำและอาหารในระยะแรก แต่ให้ผ่านทางเส้นเลือดแทน(IV) เพื่อพักการทำงานของหลอดอาหาร

พอรักษาไปแล้วก็ต้องทีการติดตามผลว่าเป็นอย่างไร หมอก็ต้องนัดมาดูอาการ แผลหายดีไหม มีความผิดปกติอะไรเพิ่มขึ้นมาหรือเปล่า เช่น มีการตีบของหลอดอาหารเนื่องจากการหายของแผลหลังจากการรักษาไป 2-3 m หรือไม่(แล้วตรวจ confirm ไง อาจต้องให้กลืนแป้ง x-ray หรือส่องกล้อง แต่ถ้าสุนัขร่าเริงดีไม่มีอาการผิดปกติอะไรก็อาจพิจารณาไม่ทำก็ได้)
ตอนที่ 1 โรคและภัยของระบบ GI
ห่างหายไปนานครับ เพราะว่าจำ password ไม่ได้ตอนนี้ผมกลับมาแล้วและจะขอดำเนินการต่อในตัวข้อเรื่องโรคและภัยของระบบ GI ซึ่งในคราวก่อนได้ให้ข้อมูลเบื่องต้นเกี่ยวกับความเป็นพิษของช๊อกโกแลตในสุนัขไว้แล้วน่ะครับ ส่วนโรคและภัยที่สามารถพบเจอได้บ่อยในระบบ GI มีดังนี้คือ

1 กินสิ่งแปลกปลอมติดหลอดอาหาร
2 กลิ่นปาก
3 ฟัน ฟัน
4 ฝีโพรงรากฟัน
5 หูดในช่องปาก
6 โรคตับ
7 กระเพาะบิด
8 พิษจากช็อกโกแลต(กล่าวไปแล้ว)
9 พิษจากองุ่นและลูกเกด
10 ตับ ของโปรดแสนอร่อยของสุนัข
ในระบบ GI ถามว่าอาการต่างๆที่แสดงให้เราทราบว่าเกิดความผิดปรกติขึ้นกับระบบดังกล่าวมีอะไรได้บ้าง ?
ตอบ ก็ดูก่อนว่า anatomy มีอะไรบ้างของระบบแล้วคิดถึงว่าถ้าเกิดความผิดปกติกับเนื้อเยื่อนั้นๆ organ นั้นแล้วจะส่งผลอย่างไร เป็นต้นที่พบเห็นได้บ่อยๆ คือ
อาเจียน (vomiting) : ก็ยังต้องแยกก่อนว่าอาเจียนจริงหรือว่าแค่คย่อน (regurgitation)
ท้องเสีย (diarrhea) : เป็นมานานหรือยัง(แยก acute กับ chronic) ลักษณะอุจจาระเป็นไง (เพื่อแยกว่ามาจาก small bowel หรือ large bowel) ตอนนี้ทานอาหารอะไร มีการเปลี่ยนอาหารกระทันหันหรือไป ทำ vaccine ครบไหม ถ่ายพยาธิตาม programme หรือเปล่า เหล่านี้คือการแยกวินิจฉัยเบื้องต้นเท่านั้นเพื่อทราบแนวทางและแนวโน้มของสาเหตุของภาวะโรคซึ่งจะช่วยให้สัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง และในขณะเดียวกันสัตวแพทย์จะต้องทำการรักษาเพื่อพยุงอาการ[supportive treatment ] ไปด้วย
กลับเข้ามาที่เรื่องที่จะนำเสนอในวันนี้คือ ในหัวข้อที่ 1 การกินสิ่งแปลกปลอมแล้วติหลอดอาหาร( choke)
มีอะไรได้บ้าง ? เมล็ดผลไม้ขนาดใหญ่เช่น เมล็ดทุเรียน เศษผ้า ลูกบอลยาง ลูกเทนนิสก็เคยมี หรืออาหารหรือขนมขนาดใหญ่เกิน กระดูกหมูกระดูกไก่ เหล่านี้ทำให้เกิดการอุดตันหลอดอาหารได้
เจอบ่อยไหม ? บ่อยในพวกพันธุ์เล็ก พวก terrier โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกลูกสุนัข เพราะนิสัยซุกซน
อาการเป็นไง ? ก็เป็นภาวะผิดปกติสุนัขต้องไปสบายใจอยู่แล้วเพราะงั้นมันกะซึม เบื่ออาหาร ก็มันมีอะไรเข้าไปติดอยู่เพราะงั้นร่างกายก็ต้องพยายามเอาออก เลยแสดงอาการขย่อยอาหาร กลืนก็ลำบาก น้ำลายก็สอ พอจับคลาที่คอก็จะแสดงอาการกระสับกระสาย